วันเสาร์ ที่ 24 พ.ค. 2568
ข่าวดีสำหรับคนที่กลัวเข็ม!
ปลายปี 2568 ประเทศไทยจะมี "วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นจมูก" มาให้ใช้แล้ว วันนี้จะสรุปประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับวัคซีนตัวนี้ให้ฟัง 10 ข้อ
1. 👃🏼วัคซีนตัวนี้มีชื่อว่า FluMist
○ คำว่า "Flu" มาจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ Influenza และคำว่า "Mist" แปลว่าละอองฝอย
○ รวมกันแล้วคือเป็นวัคซีนที่ใช้การพ่นละอองฝอยเข้าไปในจมูกเพื่อทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่ขึ้นมานั่นเอง
2. 🇺🇸🇬🇧🇯🇵 วัคซีนนี้ไม่ใช่วัคซีนตัวใหม่แต่เป็นวัคซีนที่ใช้มานานแล้ว เริ่มต้นจาก อย.สหรัฐอเมริกา อนุมัติการใช้มาตั้งแต่ปี 2003 หลังจากนั้นประเทศต่างๆก็เริ่มอนุมัติตามมา เช่น
○ อย.ของแคนาดา อนุมัติการใช้มาตั้งแต่ปี 2010, อย.ของยุโรป ปี 2011 , ประเทศญี่ปุ่น ปี 2023
○ ปี 2024 อย.สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติให้วัคซีนตัวนี้สามารถพ่นเองที่บ้านได้แล้ว [แต่ประเทศไทย เนื่องจากเพิ่งเริ่มเข้ามาใช้จึงต้องไปพ่นที่โรงพยาบาลโดยแพทย์เท่านั้น]
3. 🦠 FluMist เป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ [Live-attenuated influenza vaccine; LAIV] ต่างจากวัคซีนแบบฉีดที่ใช้เชื้อตาย [inactivated influenza vaccine]
4. 🤒 แม้วัคซีนแบบพ่นจะเป็นเชื้อที่ยังมีชีวิตแต่ไม่สามารถทำให้เราป่วยได้ เพราะถูกดัดแปลงให้มีคุณสมบัติ 3 อย่าง
4.1 Attenuated คือ ทำให้เชื้ออ่อนแอลง จนไม่สามารถก่อโรคได้
4.2 Cold-adapted คือ สามารถเพิ่มจำนวนไวรัสในที่ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 25 องศาเท่านั้น [บริเวณจมูก]
4.3 Temperature-sensitive คือ เชื้อไม่สามารถเพิ่มจำนวนในอุณหภูมิร่างกาย 37 องศา ดังนั้นในหลอดลม ในปอดที่มีอุณหภูมิร่างกายจึงไม่สามารถเพิ่มจำนวนไวรัสได้
5. 👍วัคซีนชนิดพ่นเข้าจมูกประสิทธิภาพเหมือนๆกันกับชนิดฉีด กล่าวคือ ช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดการนอนโรงพยาบาลได้ดี แต่ป้องกันการติดเชื้อได้ปานกลาง
6. ❓ วิธีใช้วัคซีน
○ พ่นเข้าจมูกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 0.1ml
○ ต้องพ่นปีละครั้งเช่นเดียวกันกับวัคซีนชนิดฉีด [เนื่องจากเชื้อมีการกลายพันธุ์อยู่ทุกปี]
7. 🧑🏻🤝🧑🏻 ใครที่ฉีดได้บ้าง?
○ สามารถพ่นได้ตั้งแต่อายุ 2-49 ปี ที่ไม่มีข้อห้าม
○ ถ้าอายุน้อยกว่า9ปี ที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ให้พ่น 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
8. 🚫 ข้อห้ามใช้วัคซีนตัวนี้ ได้แก่
○ คนที่แพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือแพ้ไข่ "ชนิดรุนแรง" [anaphylaxis]
○ คนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง รวมถึงคนที่ดูแลใกล้ชิด
○ หญิงตั้งครรภ์
○ คนที่เป็นหอบหืดที่กำลังมีอาการกำเริบอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมง
○ เด็กที่กำลังทานยา aspirin อยู่ประจำ [ทำให้เกิด reye syndrome ได้]
9. ✅ข้อดีของวัคซีนคือ ไม่เจ็บเหมือนชนิดฉีดและเป็นการเลียนแบบการติดเชื้อทางธรรมชาติทำให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันในโพรงจมูกได้ดี ❗ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนชนิดพ่นเข้าจมูก ได้แก่ น้ำมูกไหล, คัดจมูก, เจ็บคอ, เป็นไข้ >37.8C, ปวดศีรษะ [ผลข้างเคียงเหล่านี้มักหายได้เอง]
10. ❗ต้องระวังเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ด้วย [เช่น Oseltamivir; Tamiflu]
○ เนื่องจากวัคซีนเป็นเชื้อชนิดเป็น [ยังมีชีวิต] ดังนั้นยาต้านไวรัสมีผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง
○ ถ้าเพิ่งป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วได้รับยาต้านไวรัส oseltamivir มา >>> ต้องเว้นระยะห่าง 48 ชั่วโมงก่อนถึงจะพ่นวัคซีนได้ ○ ถ้าพ่นวัคซีนไปแล้ว ดัน jackpot ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ที่ต้องได้รับยาต้านไวรัสภายใน 14 วัน >>> ควรปรึกษาแพทย์ว่าต้องพ่นวัคซีนใหม่หรือไม่?
ปล. โพสต์นี้จุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ได้รับ sponsor ใดๆทั้งสิ้น
Reference
1. อย. อเมริกาอนุมัติให้ใช้ที่บ้านได้ https://www.fda.gov/news-events/press-announcements/fda-approves-nasal-spray-influenza-vaccine-self-or-caregiver-administration
2. FluMist ในญี่ปุ่น https://mainichi.jp/english/articles/20230301/p2a/00m/0sc/006000c
3. ประสิทธิภาพในญี่ปุ่น https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1341321X24001788
4. ประสิทธิภาพในแคนาดา https://jamanetwork.com/journals/jamapediatrics/fullarticle/2685843
5. ประสิทธิภาพในอิตาลี https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0264410X25002439#:~:text=Compared%20to%20unvaccinated%20children%2C%20LAIV,58%20%25%5D)%20had%20comparable%20effectiveness.
6. ข้อมูลวัคซีน FluMist https://www.fda.gov/media/160349/download#page11